ประโยชน์ ของ การ ตอน กิ่ง
เรียนรู้เกษตรกับบทเรียนสำเร็จรูป: การขยายพันธุโดยการตอนกิ่ง
การขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศ | การขยายพันธุ์พืชต่างๆ
- 6 สถานที่เที่ยวไทย เหมือนได้เที่ยวเมืองนอก | สถานที่ท่องเที่ยวสวยๆในประเทศไทย | เว็บไซต์ให้ข้อมูลล่าสุดทุกวัน - Knights Fallapp
- พระกริ่งใหญ่ พ.ศ. 2495 วัดทพศิรินทร์ฯ องค์นี้แต่งมาสวย พระกริ่งพิธีดีในสายท่านเจ้าคุณนรฯ มาแล้วจ้า-jorawis พระเครื่อง พระแท้ ประมูล ร้านค้า เว็บ-พระ.คอม
- หวยม้าสีหมอก งวดวันที่ 16/12/63 เลขเด็ดงวดนี้! - Leksanook
- ประโยชน์ของการขยายพันธุ์พืช - Plant Propagation
- วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ม 4 เฉลย แบบฝึกหัด บท ที่ 2.5
- การขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศ | การขยายพันธุ์พืชต่างๆ
- ยาง รถ ไถ ขอบ 16 avril
- โรล ออ น นี เวี ย ส เปร ย์
- เทคนิคการติดตา เพื่อเพิ่มผลผลิต สร้างรายได้อย่างยั่งยืน : ทำเกษตรอินทรีย์
- วิธีเพาะเมล็ดแคคตัสแบบปิด ปลูกในกล่องพลาสติก ครั้งเดียวได้หลายต้น!! 5.
แผนการสอน การขยายพันธุ์พืขโดยการตอนกิ่ง
การปักชำกิ่งหรือลำต้น ใช้กิ่งแก่ที่มีสีน้ำตาล เป็นกิ่งสมบูรณ์ มีอาหารสะสมมากเพื่อใช้ เป็นอาหารสำหรับการออกรากและการเจริญของตาเป็นกิ่งใหม่ ตัดกิ่งเป็นท่อน ๆ ยาว ประมาณ 6-8 นิ้ว มีตาอย่างน้อย 2-3 ตา ตัดใบออกหมด ด้านบนและล่างตัดเฉียง 45-60 องศา ห่างจากตาสุดท้ายประมาณครึ่งนิ้ว กรีดที่โคนกิ่งยาวประมาณ 1 นิ้ว 2-3 รอย และจุ่มฮอร์โมนเร่งรากแล้วปักชำในทรายผสมขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วน 1:1 หรือขี้ เถ้าแกลบอย่างเดียวก็ได้ แล้วตั้งไว้ในที่มีแสงแดดรำไร มีความชื้นสูง 2.
สายพันธุ์ของกระบองเพชร รู้ไหมคะว่ากระบองเพชรเป็นพืชที่มีสายพันธุ์มากกว่า 2, 000 สายพันธุ์ โดยแต่ละสายพันธุ์ก็มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่สามารถจำแนกเป็น 5 ประเภทหลักตามลักษณะของลำต้น ได้ดังนี้ 1. กระบองเพชรที่มีลำต้นและใบแบน (Flat-stem) เช่น สกุล Opuntia, Zygocactus, Epiplyllum 2. กระบองเพชรพวกที่มีลำต้นเป็นหัวกลม ๆ (Globular-stem) เช่น สกุล Astrophytum, Thelocactus, Mam- millaria 3. กระบองเพชรพวกที่มีกิ่งก้านคล้ายต้นไม้ทั่ว ๆ ไป (Branching-stern) เช่น สกุล Myrtillocactus Cereus, Pachy- cereus, Nopalxochia 4. กระบองเพชรพวกที่มีต้นเป็นกระจุกหรือต้นเล็ก ๆ เหมาะสำหรับปลูกในกระถาง (Small cacti) เช่น สกุล Echinopsis, Ariocarpus, Neobesseya 5. กระบองเพชรพวกที่เป็นเถาเลื้อยไต่ตามต้นไม้ กำแพง (Climbingcacti) เช่น สกุล Echinocactus, Cornegiea, Trichocereus 4.
ถูกทุกข้อ 5. การขยายพันธุ์พืชแบบออกได้ 2 ประเภทคือข้อใด. ก. การขยายพันธุ์พืชแบบอาสัยเพศ ข. การขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศ ค. การขยายพันธุ์พืชแบบตอนกิ่งและทาบกิ่ง ง. ถุกทั้งข้อ ก และ ข 6. การขยายพันธุ์โดยการผสมเกสรเพื่อให้เกิดเป็นเมล็ดและนำเมล็ดไปเพาะให้เกิด ต้นใหม่หมายถึงข้อใด. ( ใช้ตัวเลือกข้อ 5) 7. การขยายพันธุ์ในข้อ 6 นิยมขยายพันธุ์พืชจำพวกใด. ก. ผัก ข. พืชไร่ ค. ไม้ดอก ไม้ประดับ ง. ถูกทุกข้อ 8. ข้อใดไม่ใช่หลักของการขยายพันธุ์พืชให้ประสบผลสำเร็จ ก. ผู้ทำการขยายพันธุ์ต้องมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างภายในต้นพืช ลักษณะการเจริญเติบโต การใช้วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือในการขยายพันธุ์ รวมทั้งเทคนิคและวิธีการขยายพันธุ์ ข. ผู้ทำการขยายพันธุ์พืขต้องหมั่นฝึกฝนและขยายพันธุ์พืชโดยใช้เทคนิค วิธีการต่างๆหลายๆครั้งจนเกิดความชำนาญ ค. ผุ้ทำการขยายพันธุ์พืชต้องเฝ้าสังเกต ติดตม ดูแลและควบคุมการเจริญเติบโต ของต้นพืชที่ขยายพันธุ์ไว้เพื่อให้เกิดเป็นต้นใหม่ที่สมบูรณ์พร้อมที่จะนำไปปลูก ง. ผู้ทำการขยายพันธุ์พืชต้องติดตามข่าวสารการเกษตรเพื่อจะทันต่อเหตุการณ์ ปัจจุบันเกี่ยวกับการขยายพันธุ์พืช 9. ข้อใดคือวัสดุอุปกรณ์ในการขยายพันธุ์พืช.
เลือกต้นตอในส่วนที่เป็นสีเขียวปนน้ำตาล แล้วกรีดต้นตอจากบนลงล่าง 2 รอย ห่างกันประมาณ 1 ใน 3 ของเส้นรอบวงของต้นตอ ความยาวประมาณ 6 – 7 เซนติเมตร 2. ตัดขวางรอยกรีดด้านบน แล้วลอกเปลือกออกจากด้านบนลงด้านล่าง ตัดเปลือก ที่ลอกออกให้เหลือด้านล่างยาวประมาณ 1 เซนติเมตร 3. เฉือนแผ่นตายาวประมาณ 7 – 10 เซนติเมตร ลอกเนื้อไม้ออกแล้วตัดแผ่นตา ด้านล่างทิ้ง 4. สอดแผ่นตาลงไปในเปลือกต้นตอ โดยให้ตาตั้งขึ้น แล้วพันด้วยพลาสติกให้แน่น 5. ประมาณ 7 – 10 วัน จึงเปิดพลาสติกออก แล้วพันใหม่ โดยเว้นช่องให้ตาโผล่ ออกมา ทิ้งไว้ประัมาณ 2 – 3 สัปดาห์ จึงตัดยอดต้นเดิมแล้วกรีดพลาสติกออก การเสียบยอด การเสียบยอด คือ การเชื่อมประสานเนื้อเยื่อของต้นพืช 2 ต้นเข้าด้วยกัน เพื่อให้เจริญเติบโต เป็นต้นเดียวกัน โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้ 1. ตัดยอดต้นตอให้สูงจากพื้นดิน ประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วผ่ากลางลำต้นของ ต้นตอให้ลึกประมาณ 3 - 4 เซนติเมตร 2. เฉือนยอดพันธุ์ดีเป็นรูปลิ่มยาวประมาณ 3 - 4 เซนติเมตร 3. เสียบยอดพันธุ์ดีลงในแผลของต้นตอ ให้รอยแผลตรงกัน แล้วใช้เชือกมัดด้านบน และล่างรอยแผลต้นตอให้แน่น 4. คลุมต้นที่เสียบยอดแล้วด้วยถุงพลาสติก หรือนำไปเก็บไว้ในโรงอบพลาสติก 5.
ประมาณ 5 - 7 สัปดาห์ รอยแผลจะประสานกันดี และนำออกมาพักไว้ในโรง เรือนเพื่อรอการปลูกต่อไป การตัดชำ การตัดชำ คือ การนำส่วนต่าง ๆ ของพืชพันธุ์ดี เช่น ใบ และ ราก มาตัดและปักชำในวัสดุเพาะชำ เพื่อให้ได้พืชต้นใหม่จากสวนที่นำมาตัดชำ แต่ในที่นี้จะขอแนะนำขั้นตอนการตัดชำกิ่งซึ่ง มีขั้นตอน ดังนี้ 1. ตัดโคนกิ่งให้ชิดข้อยาวประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร โดยตัดเฉียงเป็นรูปปากฉลาม และตัดปลายบนให้เหนือตาประมาณ 1 เซนติเมตร 2. ใช้มีดปลายแหลมกรีดบริเวณรอบโคนยาว 1 – 1. 5 เซนติเมตร ประมาณ 2 – 3 รอย 3. ปักกิ่งชำลงในวัสดุเพาะชำ ลึกประมาณ 2. 5 – 5 เซนติเมตร 4. นำเข้าโรงอบพลาสติก หรือถุงพลาสติกขนาดใหญ่ 5. ประมาณ 25 – 30 วัน กิ่งตัดชำจะแตกยอกอ่อน พร้อมออกราก เมื่อมีจำนวนมากพอ จึงย้ายปลูกต่อไป ขอขอบคุณแหล่งความรู้จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ห้องสมุดความรู้การเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กองเกษตรสัมพันธ์
เลือกต้นตอ และกิ่งพันธุ์ดีให้บริเวณที่จะทาบกันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๑/ ๒-๑ ซม. ๒. เฉือนต้นตอบริเวณที่จะทาบกันได้สนิทและกะให้ชิดโคนต้นตอโดยเฉือนให้ลึกเข้าไปในเนื้อไม้เล็กน้อยและให้เป็นแผลยาวราว ๕-๘ ซม. ๓. เฉือนกิ่งพันธุ์ดีในทำนองเดียวกันและให้มีความยาวเท่ากับแผลรอยเฉือนบนต้นตอ ๔. มัดหรือพันต้นตอและยอดพันธุ์ดีเข้าด้วยกันให้แผลรอยเฉือนทับกัน โดยให้แนวเยื่อเจริญสัมผัสกันด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้าน ๕. เมื่อแผลรอยเฉือนประสานกัน (ประมาณ ๓-๔ สัปดาห์) จึงบากเตือนทั้งต้นตอและกิ่งพันธุ์ดี ๖. หลังจากบากเตือนได้ ๑-๒ สัปดาห์ ตัดโคนกิ่งพันธ์ดีออกจากต้นแม่ ๒. การทาบกิ่งแบบตัดยอดต้นตอออก การทาบกิ่งวิธีนี้ เป็นวิธีที่เปลี่ยนแปลงมาจากการทาบกิ่งแบบมียอดต้นตอ โดยการปาดยอดต้นตอออกเพื่อป้องกันการคายน้ำจากต้น พร้อมกันนั้นก็จะมัดปากถุงปลูกของต้นตอ มิให้น้ำหรือความชื้นจากเครื่องปลูกระเหยออกข้างนอกได้ การทาบกิ่งวิธีนี้สะดวกที่ไม่ต้องรดน้ำให้ต้นตอจนกว่าจะตัดกิ่งที่ติดเรียบร้อยแล้วมาปลูก ฉะนั้นจึงสามารถทำได้ตลอดปี และถ้าใช้เครื่องปลูกต้นตอที่มีน้ำหนักเบาๆ แล้วจะสามารถผูกต้นตอติดกับกิ่งพันธุ์ดีได้ โดยไม่ต้องใช้ไม้พยุงหรือผูกค้ำต้นตอ วิธีการทำการทาบกิ่ง แบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ ๑.
การทาบกิ่ง เป็นวิธีการติดตาต่อกิ่งเช่นเดียวกับการติดตาและการต่อกิ่ง คือ ต้นพืชที่ได้จากการทาบกิ่งจะมีส่วนยอดเป็นพันธุ์ดี และมีรากเป็นพันธุ์ต้นตอเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การทาบกิ่งก็มีข้อแตกต่างไปจากการติดตาและการต่อกิ่งอยู่ ๒ ประการ คือ ก. การทาบกิ่ง เมื่อจะทาบจะต้องนำต้นตอเข้าไปหากิ่งพันธุ์ดี แทนที่จะนำกิ่งพันธุ์ดีเข้าไปหาต้นตอเหมือนการติดตาและการต่อกิ่ง ข. การทาบกิ่ง ทั้งต้นตอและกิ่งพันธุ์ดียังมีรากเลี้ยงต้นและเลี้ยงกิ่งอยู่ทั้งคู่ ส่วนการติดตา และการต่อกิ่งจะตัดกิ่งพันธุ์ดีจากต้นที่ต้องการมาติดหรือต่อ จึงต้องรักษากิ่งให้มีชีวิตอยู่ได้นานที่สุดจนกว่าจะเกิดการเชื่อมกับต้นตอได้ ฉะนั้นโอกาสการติดหรือต่อได้สำเร็จจึงมีโอกาสน้อยกว่าการทาบกิ่ง วัตถุประสงค์ของการทาบกิ่ง พอจะแบ่งออกเป็น ๒ ประการ คือ ๑. การทาบกิ่งเพื่อการขยายพันธุ์ ๒. การทาบกิ่งเพื่อเปลี่ยนพันธุ์ สำหรับการทาบกิ่งเพื่อการขยายพันธุ์ มีวิธีการที่นิยมใช้อยู่ ๒ แบบ คือ ๑. การทาบกิ่งที่คงยอดต้นตอไว้ เป็นวิธีทาบกิ่งแบบประกับ (spliced-approach graft) ที่นิยมปฏิบัติกันดั้งเดิมทั่วๆ ไป การมียอดหรือมีใบของต้นตอไว้ก็เพื่อที่จะให้ใบได้สร้างอาหารไปเลี้ยงรอยต่อให้เกิดเร็วขึ้น และแม้การทาบจะไม่สัมฤทธิผลในครั้งแรก ก็ยังมีโอกาสที่จะทาบแก้ตัวได้ใหม่อีกโดยที่ต้นตอไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมากนักการทาบกิ่งวิธีนี้ ข้อยุ่งยากอยู่ที่จะต้องคอยรดน้ำต้นตอขณะทาบอยู่เสมอๆ ฉะนั้นจึงไม่ใคร่นิยมทำกันในปัจจุบัน ส่วนวิธีการทาบนั้น ปฏิบัติดังนี้ ๑.
๕-๒ นิ้ว เฉือนแผลด้านบนทำเป็นบ่าหรือเงี่ยง ปลาประมาณ ๑/๔ ของความยาวของแผล ๒. เฉือนต้นตอเป็นรูปปากฉลามตัดด้านหลังเอียงขึ้นเข้าหาปากฉลามขนาดความยาวแผลประมาณ ๑/๔ ของแผลปากฉลาม ๓. นำต้นตอที่ปาดเรียบร้อยแล้วสอดเข้าไปขัดกับบ่าหรือเงี่ยงปลาที่ทำไว้ แล้วจัดให้แนวเยื่อเจริญสัมผัสกันมากที่สุด ๔. พันด้วยพลาสติกให้แน่น ๒. ๓ การทาบกิ่งแบบเสียบข้างแปลง (Modified side approach grafting) วิธีการทาบแบบนี้มีขั้นตอนต่าง ๆ เหมือนวิธีแรก แต่แตกต่างกันที่ลักษณะเฉือนต้นตอและกิ่งพันธุ์ดี โดยมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้ ๑. เฉือนกิ่งพันธุ์ดีเป็นมุมเอียงขึ้นประมาณ ๒๐-๓๐ องศา เข้าไปในเนื้อไม้ประมาณ ๑/๔ ของเส้นผ่าศูนย์กลางของกิ่ง ความยาวแผลประมาณ ๑. ๕-๒ นิ้ว ๒. เฉือนต้นตอเป็นรูปลิ่มโดยให้แผลส่วนที่สัมผัสด้านในาวกว่าแผลหน้าที่สัมผัสด้านนอก ๓. สอดต้นตอเข้าไปในเนื้อไม้แบบตอกลิ่ม โดยให้แนวเยื่อเจริญสัมผัสกันมากที่สุด ที่มา: